วันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

7 เรื่องเล็กที่กลายเป็นเรื่องใหญ่ของสุขภาพ

เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่อาจจะเห็นว่าเป็นเรื่องขี้ประติ๋วนั้น ถ้าทำบ่อยๆ เป็นประจำแล้วล่ะก็ มันก็สามารถกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้ เหมือนกับ 7 เรื่องนี้ที่ถ้าทำบ่อยจนเกินไปก็จะทำให้สุขภาพร่างกายเสื่อมโทรมจนกลายเป็นโรคภัยไข้เจ็บได้นะจ๊ะ งั้นไปเริ่มต้นที่เรื่องแรกกันเลยดีกว่า.....



- ไหมขัดฟัน >> การที่ไม่ยอมใช้ไหมขัดฟันทำความสะอาดฟันนั้นรู้ไหมว่า จะทำให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคเกี่ยวกับเหงือก และฟันไม่แข็งแรงอีกด้วย นอกจากนี้แบคทีเรียบริเวณเหงือกสามารถเข้าสู่กระแสเลือด และอาจจะทำให้เป็นโรคหัวใจได้อีกด้วย


- คอนแทคเลนส์ >> ก่อนนอนทุกครั้งควรที่จะถอดคอนแทคแลนส์ออกเสมอ เพราะการที่ไม่ยอมถอดออกนั้น จะทำให้เพิ่มการติดเชื้อที่ดวงตาถึง 10 เท่า

- หมากฝรั่ง >> การเคี้ยวหมากฝรั่งที่มีซอร์บิทอลตลอดทั้งวันนั้น จะทำให้มีอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ หรือเกิดอาการท้องเสียได้ ดังนั้นจึงควรที่จะเคี้ยวเฉพาะบางช่วงเวลาเท่านั้น เช่น หลังทานอาหารเสร็จ เป็นต้น


- รองเท้าสันสูง >> การสวมใส่รองเท้าสันสูงไม่ว่าจะเป็นแบบสันตึก สันเข็ม หรือแบบเตารีด เป็นประจำนั้น รู้ไหมว่าจะทำให้กระดูก กล้ามเนื้อขาและเท้า อาจจะเสื่อมก่อนวัยได้ สาเหตุมาจากน้ำหนักตัวจะไม่กระจายไปทั่วทั้งเท้า แต่จะมาลงน้ำหนักทั้งหมดอยู่ที่กระดูกและข้อทางด้านหน้า


- ครีมกันแดด >> รู้กันบ้างรึเปล่าว่าการทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวันนั้น จะเป็นการลดจำนวนวิตามินดี ที่ร่างกายสร้างขึ้นในแต่ละวัน ทำให้ร่างกายของเราเกิดอาการเครียด และเป็นโรคกระดูกพรุนได้

- โทรศัพท์มือถือ >> การคุยโทรศัพท์มือถือก่อนนอนนั้น จะทำให้รังสีของโทรศัพท์แผ่ออกมา เป็นสาเหตุทำให้นอนไม่หลับ ไม่สามารถหลับสนิทได้ และจะทำให้รู้สึกปวดหัวอีกด้วย ดังนั้นจึงควรที่จะหลีกเลี่ยงการคุยโทรศัพท์ก่อนนอนให้มากที่สุด เพื่อที่ร่างกายจะได้พักผ่อนให้เพียงพอนะจ๊ะ


- เครื่องสำอาง >> ควรที่จะล้างเครื่องสำอางออกให้หมดก่อนที่จะเข้านอนทุกครั้ง เพราะการนอนทั้งๆ ที่ยังมีเครื่องสำอางอยู่นั้น จะทำให้เป็นโรคภูมิแพ้ได้ และที่สำคัญที่สุดจะเป็นการกระตุ้นการเกิดสิวได้ ซึ่งสิ่งนี้เชื่อว่าเป็นสิ่งที่ทุกคนไม่ต้องการให้เกิดขึ้นบนใบหน้าอันหล่อ-สวยของตัวเองใข่ไหมจ๊ะ




ข้อมูลเพิ่มเติม :





วันเสาร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

~~~~เพื่อน~~~~


แด่เพื่อน SCIENCE SEVEN ทุกคน
เพื่อน คือคนที่ไม่ต้องอยู่ด้วยกัน ... ก็รักกันได้

ไม่ต้องเห็นกันทุกวัน ... ก็รักกันได้

ไม่ต้องหวานใส่กัน ... ก็รักกันได้

แต่รักอยู่ฝ่ายเดียว ... เป็นเพื่อนกันไม่ได้


เพราะเพื่อน ..

ไม่ได้เกิดมาพร้อมหน้าที่ .. อย่างคำว่า .. พ่อแม่

ไม่ได้จบลงพร้อมหน้าที่ .. อย่างคำว่า .. แฟน


แต่เกิดจาก ..

การกระทำซึ่งกันและกัน

จะอยู่หรือไป .. ใช้ "ใจ" เป็นเกณฑ์

จะอีกกี่นาน .. เพื่อนก็ยังเป็นทั้งรอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่ไม่มีวันเลือนหาย

เพื่อนคือคนที่เรามั่นใจ อยากไปหามากที่สุด ไม่ว่าจะยามทุกข์หรือยามสุข




เพื่อนคือคนที่เราไม่ต้องนอนร้องไห้ คอยโทรศัพท์ทั้งคืน ..
..เพื่อนก็โทรมาหา..




ฐานะ .. ไม่ใช่ตัววัดว่าใครเหมาะสมจะเป็นเพื่อนใคร


หน้าตา ..ไม่ใช่มาตรฐานบอกว่า ใครควรจะเป็นเพื่อนใคร


แต่น้ำใจ .. จะเป็นเครื่องชี้ให้เรารู้ว่า ใครที่ควรจะเป็นเพื่อนเรา




เพื่อนคือ .. คนที่แอบมาปรุงแต่งชิวิตเรา ซะจนกลายเป็นอาหารจานแปลก


มีทั้ง หวาน ขม อม เปรี้ยว


เดี๋ยวเติมความห่วงใย เดี๋ยวใส่ความรัก


หมักความผูกผันจนได้ที่


สุดท้ายก็กลายเป็นอาหารจานดี ที่ไม่มีผักชีโรยหน้า


แต่ว่าเติมความจริงใจได้จนเต็มจาน




เพื่อน .. ก็เหมือนเสื้อตัวเก่งที่เราจะหยิบมาใส่ทุกครั้ง


ที่เราต้องการรความมั่นใจ


และเมื่อพ้นเวลานั้นไป..


เสื้อตัวนี้ก็ยังแขวนอยู่ในตู้เสื้อผ้าใบเดิมเสมอ


เหมือนกับเพื่อนที่จะอยู่กับเราในวันที่เราไม่สบายใจ







เพื่อนมีอะไรหลายอย่างที่เราไม่ได้จากไคร




......................................................................................................




เพื่อนเท่านั้น จะไม่ลืมกัน




[รักเพื่อน ๆ S7 ทุกคน ไม่มีคัยที่จะเข้าจัยเราได้ดีกว่านี้อีกแร้ว ~รัก .. ]

อ่านเพิ่มเติมได้จาก : http://dek-d.com/board/view.php?id=808036

วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ทำไมเราถึงง่วงนอนตอนบ่ายๆ Z zz *


13.00 น.
ตับจะพักผ่อน ร่างกายในช่วงนี้จะเริ่มรู้สึกอ่อนเพลีย
*14.00 น.
เป็นช่วงเวลาที่ร่างกายรู้สึกอืดอาด เชื่องช้าที่สุดในระยะหนึ่งของแต่ละวัน
15.00 น.
ระบบของร่างกายมีปฏิกิริยาไวมาก สมรรถภาพของพละกำลังฟื้นฟูขึ้น
16.00 น.
ในกระแสเลือด จะมีน้ำตาลเพิ่มขึ้น แต่ก็จะลดลงอย่างรวดเร็ว
17.00 น.
สมรรถภาพในการทำงานเพิ่มขึ้น
18.00 น.
ความรู้สึกต่ออาการเจ็บปวดจะลดน้อยลง ขอให้เพิ่มการออกกำลังกาย
*19.00 น.
ความดันของเลือดเพิ่มสูง อารมณ์ไม่ค่อยดี มักเกิดได้ด้วยสาเหตุเล็กน้อย
.... *************....
ข้อมูลเพิ่มเติม

วันพุธที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

~* ออกกำลังกายตามกรุ๊ปเลือด ++


‘ยืดเส้นยืดสาย’ เตรียมวิธีออกกำลังกายให้เหมาะสมกับกรุ๊ปเลือดที่แตกต่าง เพื่อเสริมสร้างสุขภาพกาย และใจ ไม่ทำให้ร้ายกล้ามเนื้อเพราะการออกกำลังกายอย่างหักโหม

เริ่มจากเลือดกรุ๊ปเอ ควรออกกำลังกายแบบช้า ๆ ออกแรงไม่มาก เช่น โยคะ ไท้เก๊ก ชี่กง เพราะมีโครงกระดูกเล็ก หักง่าย สืบเนื่องจากอาหารที่เหมาะสมของคนเลือดกรุ๊ปเอ คือ อาหารประเภทมังสวิรัติ หรือรับประทานเนื้อสัตว์เพียงเล็กน้อย

ส่วนเลือดกรุ๊ปบี ที่รับประทานอาหารทั้งผักทั้งเนื้อสัตว์ได้ในสัดส่วนที่เท่ากัน จึงมีความว่องไว ให้ออกกำลังกายอย่างสมดุล ไม่หักโหมหรือเชื่องช้าเกินไป เช่น ว่ายน้ำ เดินเร็ว วิ่งเหยาะๆ กอล์ฟ ปิงปอง

สำหรับผู้ที่มีเลือดกรุ๊ปเอบี เปรียบเสมือนส่วนผสมของกรุ๊ปเอและบี ให้สังเกตตนเองว่ามักเลือกรับประทานอาหารของกรุ๊ปเอ หรือกรุ๊ปบีมากกว่ากัน เมื่อทราบแล้วก็ให้ออกกำลังกายตามลักษณะของเลือดกรุ๊ปนั้น แต่ก็ควรเพิ่มการออกกำลังกายในแบบที่เหมาะกับเลือดอีกกรุ๊ปด้วย เช่น มักรับประทานผักและผลไม้อย่างคนเลือดกรุ๊ปเอ ก็ให้ออกกำลังกายแบบช้า ๆ เป็นหลัก และเสริมด้วยการออกกำลังกายของคนเลือดกรุ๊ปบีบ้าง

ขณะที่คนเลือดกรุ๊ปโอ เหมาะสมกับการออกกำลังกายชนิดที่ต้องออกแรงมาก เช่น ฟุตบอล บาสเกตบอล วิ่งทางไกล ชกมวย เนื่องจากสภาพร่างกายสามารถบริโภคเนื้อสัตว์ที่มีไขมันสูงและผักได้ในปริมาณมาก ทำให้มีโครงกระดูกที่แข็งแรง กล้ามเนื้อกระชับแน่น


ไม่ว่าคุณจะมีเลือดอยู่ในกรุ๊ปใด ต้องไม่ลืมการเดินเร็ว 10 นาที หลังจากออกกำลังกายตามกรุ๊ปเลือดทุกครั้ง นอกจากนี้ยังควรออกมายืดเส้นยืดสายเคลื่อนไหวร่างกายให้ผิวหนังถูกแสงแดดราว 20 – 30 นาที ในช่วงเวลา 11.00 – 14.00 น. เพราะในช่วงเวลาดังกล่าวมีรังสียูวีในระดับเข้มข้น ช่วยให้ร่างกายได้รับวิตามินบี 3 เพื่อช่วยลำเลียงแคลเซียมและแร่ธาตุต่าง ๆ ไปยังกระดูก โดยไม่ต้องกังวลว่าจะเป็นมะเร็งผิวหนัง หากไม่ได้ออกมารับแสงแดดด้วยการนอนอาบแดดอยู่เฉย ๆ กับที่ซึ่งเป็นอันตรายต่อผิวหนัง.
อ่านเพิ่มเติมได้จาก : http://variety.teenee.com/foodforbrain/20498.html

วันอังคารที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

** คน ที่เป็น เพื่อน **


** คน ที่เป็น เพื่อน **

ไม่จำเป็นต้องจบการศึกษาระดับเดียวกัน
ไม่จำเป็นต้องมีฐานะเท่าเทียมกัน
ไม่จำเป็นต้องมีตำแหน่งหน้าที่การงานเท่าเทียมกัน
ถ้าคิดแบบนั้น คุณจะไม่มีเพื่อนแท้ดีๆเลยสักคน

คอยเตือน ยามเพื่อนพลั้ง
คอยฟัง ยามเพื่อนขอ

คอยรอ ยามเพื่อนสาย
คอยพาย ยามเพื่อนพัก
คอยทัก ยามเพื่อนทุกข์
คอยปลุก ยามเพื่อนท้อ

คอยง้อ ยามเพื่อนงอน
คอยสอน ยามเพื่อนผิด
คอยสะกิด ยามเพื่อนเผลอ
คอยเจอ ยามเพื่อนหา

คอยลา ยามเพื่อนกลับ
คอยปรับ ยามเพื่อนเปลี่ยน
คอยเรียน ยามเพื่อนเที่ยว
คอยเคี่ยว ยามเพื่อนเล่น

คอยเย็น ยามเพื่อนร้อน
คอยหอน ยามเพื่อนเห่า
คอยเฝ้า ยามเพื่อนฟุบ
คอยอุบ ยามเพื่อนปิด

คอยคิด ยามเพื่อนถาม
คอยปราม ยามเพื่อนหลง

คอยปลง ยามเพื่อนแกล้ง
คอยแบ่ง ยามเพื่อนหมด
คอยอด ยามเพื่อนทาน
คอยคาน ยามเพื่อนล้ม
คอยชม ยามเพื่อนชนะ
คอยสละ ยามเพื่อนชอบ

เพื่อนที่รักเราหาไม่ง่ายเลย
ถ้าเพื่อนๆ คนไหนมีแล้ว
จงรักษามันไว้ให้ดีดี รักกันไว้ให้มากๆ
ไม่มีอีกแล้วถ้า เราเสียเพื่อนที่ดีไป
เพราะ แค่เหตุผล โง่โง่
^^

วันนี้คุณ "ยิ้ม" หรือยัง ? ^oo^




ยิ้มเข้าไว้กับทุกสิ่งบนโลกหล้า

แม้ศรัทธาหักหล่นหายไปหลายหน

ยิ้มเถิดยิ้มเพื่อนพี่น้องทั่วทุกคน

เพื่อกมลหลั่งรดหยดยินยอมรอ


ฟ้าหลังฝนทั่วดินแดนแสนเย็นนุ่ม

ด้วยหล้าอุ้มกุมน้ำไปหลายล้านบ่อ

มาเถิดมาแห่นางแมวแวะเวียนคลอ

ให้ฝนโปรยโรยล้างท้อจากใจเรา


ช่วงเจ็บจ่อย่อจิตย่นใครก็รู้

ต้องปิดหูปิดตาบ้างพลางเกลาเศร้า

วันพรุ่งนี้ที่ดีกว่ายังร่ำเร้า

ให้เดินก้าวห่างเผาผ่าวเมียงผ่านมัว


ยิ้มฤายังคุณคุณท่านอย่ารอช้า

แวะเข้ามายิ้มให้กันหรรษาทั่ว

ยิ้มไม่ออกง่ายนิดเดียวอย่าเกรงกลัว

หลับนัยน์รัวชั่วพริบลืมสุขก็ล้อ


สนุกเหนื่อยเปื่อยกับรุกทุกข์กับร้อน

ต้องผันผ่อนนอนกับใฝ่ไกลไห้ห่อ

จึ่งจะจางห่างหดหู่รู้เลี่ยงพ้อ

..วันนี้ “ขอ”สักนิดเถิด “ยิ้ม” นะคุณ..

วันอาทิตย์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

10 ผลไม้ไทยที่มีสารต้านมะเร็งสูง

10 ผลไม้ไทยที่มีสารต้านมะเร็งสูง

กรมอนามัยวิจัย 10 ผลไม้ไทย มีสารต้านมะเร็งสูง นางนัทยา จงใจเทศ นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ กองโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า จากการทำวิจัย “องค์ความรู้เรื่องปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระในผลไม้เพื่อส่งเสริมสุขภาพ (วิตามินซี วิตามินอี และ เบต้าแคโรทีน) ในผลไม้” ที่ทำการศึกษาในผลไม้ 83 ชนิด พบว่า...

ผลไม้ 10 อันดับแรกที่มีเบต้าแคโรทีนสูงคือ
1. มะม่วงน้ำดอกไม้สุก
2. มะเขือเทศราชินี
3. มะละกอสุก
4. กล้วยไข่
5. มะม่วงยายกล่ำ
6. มะปรางหวาน
7. แคนตาลูปเนื้อเหลือง
8. มะยงชิด
9. มะม่วงเขียวเสวยสุก
10. สับปะรดภูเก็ต

ผลไม้ทั้งหมดนี้มีเนื้อสีเหลืองและสีเหลืองเข้ม

10 อันดับแรกของผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงคือ
1. ฝรั่งกลมสาลี่
2. ฝรั่งไร้เมล็ด
3. มะขามป้อม
4. มะขามเทศ
5. เงาะโรงเรียน
6. ลูกพลับ
7. สตรอเบอร์รี่
8. มะละกอสุก
9. ส้มโอขาว
10. แตงกวา

การศึกษานี้พบผลไม้ที่มีวิตามินอีสูง 10 อันดับแรกคือ
1. ขนุนหนัง
2. มะขามเทศ
3. มะม่วงเขียวเสวยดิบ
4. มะเขือเทศราชินี
5. มะม่วงเขียวเสวยสุก
6. มะม่วงน้ำดอกไม้สุก
7. มะม่วงยายกล่ำสุก
8. แก้วมังกรเนื้อสีชมพู
9. สตรอเบอร์รี่
10. กล้วยไข่

ผลไม้ที่มีเบต้าแคโรทีน วิตามินซี และวิตามินอีน้อยทั้ง 3 ตัว คือ สาลี่ องุ่น
และแอปเปิลส่วนผลไม้ที่มีสารทั้ง 3 ตัว ค่อนข้างสูงคือ มะเขือเทศราชินี

ทั้งนี้ เบต้าแคโรทีน วิตามินซีและอี เป็นกลุ่มของสารอาหารที่ช่วยกำจัดอนุมูลอิสระที่ก่อให้ร่างกายเกิดการอักเสบ ทำลายเนื้อเยื่อ เกิดต้อกระจกในผู้สูงอายุ โรคมะเร็ง โรคหัวใจและหลอดเลือด สารทั้ง 3 ตัว โดยเฉพาะ เบต้าแคโรทีนจะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ยับยั้งการก่อกลายพันธุ์ ป้องกันเนื้องอก ลดความเสี่ยงการเป็นต้อกระจก มะเร็งและหัวใจได้ จึงควรรับประทานผลไม้ในปริมาณมากพอสมควรทุกวัน หรืออย่างน้อยวันละ 4 ส่วนของอาหารที่รับประทาน เพื่อสุขภาพที่ดี